รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้ง “พิชัย นิลทองคำ” นั่งประธานคณะทำงาน ถอดบทเรียน กรณี “สตาร์ค” ตั้งเป้าป้องกันและลดความเสี่ยงกระทำผิดซ้ำ
เผยแพร่: 26 มิ.ย. 2567 14:23 น. ปรับรุง: 26 มิ.ย. 2567 14:35 น. เปิดอ่าน 759 ครั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้ง “พิชัย นิลทองคำ”
นั่งประธานคณะทำงาน
ถอดบทเรียน กรณี “สตาร์ค” ตั้งเป้าป้องกันและลดความเสี่ยงกระทำผิดซ้ำ
--------------------------------
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวน กรณีที่มีการกล่าวโทษ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวก ในความผิดฐานลงข้อความอันเป็นเท็จในบัญชีหรือเอกสารและงบการเงินของบริษัทฯ ความผิดฐาน แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 14,778,000,000 บาท ภายหลังมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นั้น
กรณีดังกล่าว พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นว่าเป็นกรณีที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 158/2567 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2567 แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรม กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ขึ้น โดยมีนายพิชัย นิลทองคำ เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงานประกอบด้วย ผู้แทนอัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุน รวมทั้งกฎหมายและตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ รวม 10 ท่าน เป็นคณะทำงาน โดยมีผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเลขานุการคณะทำงานมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแผนประทุษกรรมคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ทั้งด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยถอดบทเรียนและวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและกรอบการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและการเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตลาดทุนและตลาดเงิน เพื่อสร้างระบบการกำกับดูแลตรวจสอบและแจ้งเตือนล่วงหน้า อันเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ตลาดเงินและตลาดทุนมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากล
-----------------------------------------
ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2567