รักษาการอธิบดี DSI เร่งปราบปรามบริษัทต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุดสั่งฟ้อง 2 คดีส่งพนักงานอัยการ
เผยแพร่: 23 ธ.ค. 2566 15:54 น. ปรับรุง: 23 ธ.ค. 2566 15:56 น. เปิดอ่าน 2184 ครั้งรักษาการอธิบดี DSI เร่งปราบปรามบริษัทต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุดสั่งฟ้อง 2 คดีส่งพนักงานอัยการ
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ภายใต้การอำนวยการของ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ได้มอบหมายให้ ร้อยตำรวจโทเสฎฐวุฒิ สายป้อง ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 2 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนการสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมตัวผู้ถูกกล่าวหา ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการ จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย
1. คดีพิเศษที่ 38/2564 กรณีกล่าวหาว่า บริษัท ลีฟ ลัคกี้ จำกัด โดยนางสาวออคซาน่า (สงวนนามสกุล) กรรมการผู้มีอำนาจ ในฐานะผู้แทนนิติบุคคล และนายเดวิด (สงวนนามสกุล) ในฐานะส่วนตัวรวม 2 คน กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 การสอบสวนมีพยานหลักฐานพอฟ้องว่ามีความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นคนต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่คนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมาย“ และ“เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือ
ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น”
2. คดีพิเศษที่ 39/2564 กรณีกล่าวหาว่า บริษัท ซันนี่ วิวส์ จำกัด โดย นางสาวอิรินะ (สงวนนามสกุล) กรรมการผู้มีอำนาจ ในฐานะผู้แทนนิติบุคคล นายโยสซี่ (สงวนนามสกุล) กรรมการบริษัท ในฐานะส่วนตัว
และนางสาวอิรินะ (สงวนนามสกุล) กรรมการผู้มีอำนาจ ในฐานะผู้แทนนิติบุคคล รวม 3 คน กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 การสอบสวนมีพยานหลักฐานพอฟ้องว่ามีความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่คนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมาย” ฐาน“เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น”และฐาน “เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่คนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมาย”
ที่มาของทั้งสองคดีสืบเนื่องมาจาก กองคดีความมั่นคง มีการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 7/2561 กรณีมีบริษัทที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายมาคัส(สงวนนามสกุล ) สัญชาติอังกฤษ และนายพอล (สงวนนามสกุล) สัญชาติสหรัฐอเมริกา เป็นผู้บริหาร มีพฤติการณ์จัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นคนไทยเป็นตัวแทนอำพราง ก่อตั้งบริษัท ซันนี่ ชอร์ส พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัดแล้วนำบริษัทดังกล่าวเข้าไปถือครองหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต ในฐานะสัดส่วนของผู้ถือหุ้นที่เป็นสัญชาติไทย เพื่อประกอบธุรกิจการค้าที่ดินให้กับชาวต่างชาติ และเมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินของบริษัทเหล่านั้นถือครองอยู่ก็จะดำเนินการจำหน่ายหรือขายหุ้นของตนเองหรือปิดบริษัทเดิม เพื่อให้ลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติเข้ามายึดถือและครอบครองต่อไป โดยผลประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อขายที่ดินดังกล่าวจะตกอยู่แก่บุคคลต่างด้าวข้างต้น มิได้ตกอยู่แก่บริษัท ซันนี่ ชอร์สพร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือผู้ที่เป็นผู้ถือหุ้นคนไทยแต่อย่างใด ซึ่งสอบสวนจนเสร็จสิ้น และเสนอสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว โดยศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษบริษัทซันนี่ ชอร์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัดกับพวกแล้ว และต่อมาพนักงานอัยการได้แนะนำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง
จนเป็นที่มาของคดีพิเศษทั้งสองคดีนี้
กรมสอบสวนคดีพิเศษขอขอบคุณประชาชนที่ช่วยในการแจ้งเบาะแสด้วยดีมาโดยตลอดและหากประชาชนยังมีข้อมูลหรือทราบเบาะแสในกรณีดังกล่าว หรือการกระทำความผิดอื่น สามารถแจ้งข้อมูล/เบาะแส ได้ที่สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 โทร.ฟรีทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th “การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว เป็นเรื่องสำคัญ และกระทบต่อความมั่นคงรวมทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงยุติธรรม รวมทั้ง
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการปราบปรามอย่างจริงจัง” พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
-----------------------------------
ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2566