อธิบดีดีเอสไอ ลงพื้นที่ภูเก็ตตามความคืบหน้าคดีบุกรุกชายหาดเลพัง-ลายัน 178ไร่
เผยแพร่: 29 เม.ย. 2565 11:09 น. ปรับรุง: 11 พ.ค. 2565 16:43 น. เปิดอ่าน 2199 ครั้ง ENอธิบดีดีเอสไอ ลงพื้นที่ภูเก็ตตามความคืบหน้าคดีบุกรุกชายหาดเลพัง-ลายัน 178ไร่
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 4/2560 กรณี มีการบุกรุกหาดเลพัง-ลายัน จำนวน 178 ไร่ ในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และได้ส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนกลับคืนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด โดยกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 23/2562 ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
ต่อมาระหว่างการดำเนินการนั้น ได้มีผู้ร้องให้ที่ดินบริเวณดังกล่าว ที่อยู่ในความดูแลของจังหวัดภูเก็ต และ อบต.เชิงทะเล ให้ตกเป็นที่ดินของรัฐ โดยให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่พิพาทดังกล่าว และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ทางด้านเจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการให้ตามคำพิพากษาฎีกาและ อบต.เชิงทะเล ร้องให้บังคับคดีทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่พิพาทดังกล่าว แต่มีผู้บุกรุกบางรายยังไม่ปฏิบัติและบางรายแจ้งมีเหตุขัดข้องในการดำเนินการรื้อถอนและไม่ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สามารถดำเนินการตามคำพิพากษาได้ครบถ้วน ประกอบกับการรื้อถอนต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ
ล่าสุดวันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2565) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 8 กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ได้เดินทางเพื่อประชุมหารือกับ นายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง พันตำรวจเอก จุมพล ธนานุรักษ์ ผกก.สภ.เชิงทะเล นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล และนายปวีณ กุมาร บังคับคดีจังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้า และรับฟังข้อเท็จจริง โดยหารือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้ลงพื้นที่ที่ดินพิพาท เพื่อติดตามความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมาย ต่อไป
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ประชุมหารือ กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล บังคับคดีจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ผู้กำกับ สภ.เชิงทะเลและนายอำเภอถลาง เพื่อรับฟังปัญหาที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้ที่ดิน 178 ไร่ เป็นที่ดินของรัฐได้เต็มรูปแบบ โดยทราบว่า ทาง จังหวัดภูเก็ตและองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล มีความติดขัดในการดำเนินการ จึงมีความประสงค์ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นกรณีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน รวมทั้งศาลอาญาทุจริตฯ ได้ไต่สวนและมีคำพิพากษาไว้โดยละเอียด สรุปได้ว่าโฉนดที่ดินไม่ได้มีการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อน พ.ศ. 2497 และไม่ตรงกับตำแหน่งที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งต่อมาได้เข้าพบพนักงานสอบสวน จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหายึดถือ ครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง และโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งที่ดินบริเวณหาดเลพัง - หาดลายัน ติดทะเล ประเมินราคาที่ดินไร่ละ 250 ล้าน มีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งหมดถึง 44,500 ล้านบาท
กรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีท่านพันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนฯ สำหรับในส่วนที่ดินชายหาดเลพัง ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ที่ดินพิพาทริมหาดเลพัง-ลายัน หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ ซึ่งครอบครองโดยเอกชน 6 ราย (เอกชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐเป็นจำเลย) เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ต่อจากนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะบูรณาการการทำงานร่วมกันในระดับจังหวัด และจัดตั้งเป็นคณะทำงาน เพื่อแก้ไขการบังคับคดีในกรณีดังกล่าวต่อไป