การแถลงข่าวจับกุมนายพรหมชัย หรือสัมฤทธิ์ ภูทะวัง ผู้ต้องหาคดีพิเศษที่ ๑๕๗/๒๕๕๖ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์โดยไม่ได้รับอนุญาต

การแถลงข่าวจับกุมนายพรหมชัย หรือสัมฤทธิ์  ภูทะวัง  ผู้ต้องหาคดีพิเศษที่ ๑๕๗/๒๕๕๖ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์โดยไม่ได้รับอนุญาต

       วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๑.๐๐ น. นางสุวณา  สุวรรณจูฑะ  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจโท พงศ์อินทร์  อินทรขาว  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ,พันตำรวจโท มนตรี  บุณยโยธิน และพันตำรวจโทปกรณ์  สุชีวกุล ผู้อำนวยการส่วนตรวจ ๒ สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ร่วมกับพลตรีฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล,พันตำรวจเอกบุญส่ง จันทรีศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะผู้เสียหาย  ร่วมกันแถลงข่าว  กรณีเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. พันตำรวจโทยุทธภูมิ สันธนะจิตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ, นางสาวกนกลดา เจริญศิริ พนักงานสอบสวน ชำนาญการ, นายชาญบุล  แกมนิล เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ชำนาญการ และ จ่าสิบเอก กฤษพล พุทธวงศ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพรหมชัยหรือสัมฤทธิ์  ภูทะวัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๙๕๕/๒๕๕๖  ในคดีพิเศษที่ ๑๕๗/๒๕๕๖  พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ฯ และธนาคารกสิกรไทย รวม ๒ ใบ ฯลฯ โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ หมู่ที่ ๙  ตำบลบ้านสิงห์  อำเภอนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์

      พฤติการณ์แห่งคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนคดีพิเศษที่ ๕๓/๒๕๕๕  กรณีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ร้องทุกข์ให้สอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลที่แอบอ้างทำจดหมายหลอกลวงปลอมแปลงตราสัญลักษณ์และลายมือขื่อของผู้บริหารของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อนำไปใช้หลอกลวงประชาชนโดยแอบอ้างว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถล็อคเลขรางวัลได้ หากสนใจให้สมัครเป็นสมาชิกโดยให้หมายเลขติดต่อในจดหมาย คนร้ายได้ส่งจดหมายไปหลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ ๕๓/๒๕๕๕ และเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสามารถสืบสวนสอบสวนจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันใช้บัตรอิเลกทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์โดยไม่ได้รับอนุญาตคือ นายธนวัฒน์  พุกทอง และนางธัญพร  พุกทอง คดีดังกล่าวศาลอาญาได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกนายธนวัฒน์ ฯ เป็นเวลา ๒๐ ปี ส่วนนางธัญพร ฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญา (ความเสียหาย ๓,๐๓๕,๓๙๕ บาท) ต่อมาได้มีการขยายผลทำการสืบสวนสอบสวนอีกจำนวน ๒ คดี ดังนี้

๑. คดีพิเศษที่ ๑๕๘/๒๕๕๖  เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ จับกุม นายชัยอนนต์  คำมา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการคดีพิเศษ (ความเสียหาย ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาทเศษ)

๒. คดีพิเศษที่ ๑๕๗/๒๕๕๖  เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ จับกุมนางสาวศิริมาศ  สุขสมาน ,นายสานิต   ศรีสุวงศ์ (ผู้ต้องหาทั้ง ๒ รับสารภาพและรอคำพิพากษาศาลอาญา)  และนายศุภชัย  ภูทะวัง (ศาลอาญาตัดสินจำคุก ๒๐ ปี) และจับกุมตัวนายพรหมชัยฯ ผู้ต้องหาที่ ๑ ในคดีนี้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทั้ง ๔ ข้อกล่าวหา (ความเสียหาย ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท)

อนึ่ง ในการนี้ นายพรหมชัย  ภูทะวัง ผู้ต้องหา มีความสมัครใจที่จะร่วมแถลงข่าวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมิได้มีการบังคับขู่เข็ญหรือให้สัญญาเพื่อจูงใจแต่ประการใด ๆ