“ดีเอสไอ” ทลายเครือข่ายแหล่งเก็บสินค้าประเภทแว่นตา นาฬิกา กระเป๋า ปลอมยี่ห้อดัง

เผยแพร่: 18 มี.ค. 2558 15:51 น. ปรับรุง: 18 มี.ค. 2558 15:51 น. เปิดอ่าน 1200 ครั้ง  
 

 

  

 

  

 

          วันนี้ (๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘) เวลา ๑๓.๐๐ น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นางกรรณิกา ริมโพธิ์เงิน รักษาการแทนผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา  และ นายจักราคม ลิ่วมโนมนต์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ได้ร่วมแถลงข่าวการบุกจับสินค้าประเภท แว่นตา กระเป๋า และนาฬิกา ปลอมหลายยี่ห้อ

 
          สืบเนื่องจากนางสุวณา สุวรรณจุฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบนโยบายให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำกับดูแลให้ สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทำการสืบสวนปราบปรามกวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่วางจำหน่ายในบริเวณเขตพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (พื้นที่สีแดง) ด้วยเหตุที่ว่าประเทศไทยยังคงถูกจัดลำดับเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง ดังนั้น สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา จึงสานรับนโยบายเร่งดำเนินการปราบปรามสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยมีรายละเอียดการจับกุมประจำเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งหมด ๓ ครั้ง ดังนี้
 
          ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.ท.นิรุติ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา ๓ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมแหล่งเก็บสินค้าประเภทแว่นตา ละเมิดเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง อาทิ โอ๊คเล่ย์ เรย์แบน ดิออร์ กุชชี่ เป็นต้น ย่านเยาวราช แขวงสัมพันธ์วงศ์ เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บและจุดกระจายสินค้ารายใหญ่ที่ส่งขายทั่วประเทศ พบของกลางประเภทแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ เช่น โอ๊คเล่ย์ เรย์แบน ดิออร์ กุชชี่ ฯลฯ  รวมสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดจำนวน ๒๐,๒๗๓ ชิ้น พร้อมทั้งได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๑ ราย โดยกล่าวหาว่า มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ และเป็นสินค้าที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป รวมมูลค่าของกลางในท้องตลาดของปลอมกว่า ๔ ล้านบาท หากเป็นราคาของจริงจะมีมูลค่ากว่า ๕๐ ล้านบาท
 
          ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.ท.นิรุติ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา ๓ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมแหล่งเก็บสินค้าซึ่งจัดทำเป็นห้องลับเพื่อจำหน่ายให้ชาวต่างชาติเท่านั้น มีสินค้าประเภทกระเป๋า นาฬิกา ละเมิดเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง อาทิ หลุยส์ วีตตอง ดิออร์ โรเล็กซ์ พราดา ฯลฯ เป็นต้น ย่านถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสันเขตราชเทวี กรุงเทพ พบของกลางประเภทกระเป๋า นาฬิกา ปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ เช่น หลุยส์ วีตตอง ดิออร์ โรเล็กซ์ พราดา ฯลฯ  รวมสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดจำนวน ๑,๑๘๙ ชิ้น พร้อมทั้งได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๑ ราย โดยกล่าวหาว่า มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ และนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป มูลค่าของกลางในท้องตลาดของปลอมประมาณ ๓ ล้านบาท หากเป็นราคาของจริงจะมีมูลค่ากว่า ๔๐ ล้านบาท
 
          ครั้งที่ ๓  เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับ สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ๒ และ สำนักปฏิบัติการพิเศษ นำโดย พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา ๒  ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมแหล่งเก็บสินค้าประเภทนาฬิกา กระเป๋า ละเมิดเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง รวม ๕ จุด ย่านการค้าตลาด เค มาร์เก็ต ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าและร้านค้าที่ถูกจัดบังหน้าทำกิจการร้านตัดสูท และร้านขายรูปศิลปะ แต่มีห้องลับอยู่ด้านหลังร้าน พบของกลางประเภทนาฬิกา และกระเป๋าปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ เช่น กุชชี่, หลุยส์ วีตตอง, แชลแนล ฯลฯ  รวมสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดจำนวนกว่า ๒,๐๐๐ ชิ้น พร้อมทั้งได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๓ ราย โดยกล่าวหาว่า มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ และนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป  รวมมูลค่าของกลางตามราคาของปลอมประมาณ ๕ ล้านบาท หากเป็นราคาของจริงจะมีมูลค่ากว่า ๖๐ ล้านบาท
 
          รวมทั้งสิ้นมูลค่าของกลางในท้องตลาดหากเป็นราคาของปลอมจะมีมูลค่ากว่า ๑๒ ล้านบาท หากเป็นราคาของจริงจะมีมูลค่ากว่า ๑๕๐ ล้านบาท
 
          อนึ่ง ในการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีนโยบายในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (พื้นที่สีแดง) อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ต่อไป

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ