สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557
เผยแพร่: 11 ก.พ. 2557 14:12 น. ปรับรุง: 11 ก.พ. 2557 14:12 น. เปิดอ่าน 1774 ครั้ง
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
1.ศรส.ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาคถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. และแนวร่วมกรณีร่วมกันกระทำผิดด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง ขณะนี้มีจำนวนคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 149 คดี คดีประเภทเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน 95 คดี และศาลได้ออกหมายจับให้แล้วจำนวน 41 คน
2.ศรส.ได้รับรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณาเพื่อเสนอทบทวนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร รายนายสาธิต เซกัล หนึ่งในแกนนำ กปปส. ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ได้ประชุมหารือเมื่อวานนี้ คือ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อยุติ โดยต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ศรส.เห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงมีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เร่งพิจารณา โดยขอให้มีความเห็นว่าจะเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยูในราชอาณาจักรหรือไม่ อย่างไร ส่งถึงผู้อำนวยการ ศรส.ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อ ศรส.จะได้พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ต่อไป
3.ศรส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า กรณีความเดือดร้อนของชาวนาแลเกษตรกรนั้น พระพุทธอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจัของศาล โดยเป็นแกนนำเวทีถนนแจ้งวัฒนะ ได้เสนอต่อรองว่าหากกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีการทุจริตจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษแล้ว กปปส. จะอนุญาตให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดทำการตามปกติได้นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ชี้แจงแล้วว่า การจะรับคดีใดเป็นพิเศษนั้นไม่ได้ขึ้นกับการต่อรองด้วยวิธีการเช่นนี้ของ กปปส. เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในกระบวนการยุติธรรมจะใช้วิธีต่อรองเช่นนี้ไม่ได้ แต่ ศรส.เห็นด้วย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเข้าไปทำการตรวจสอบหรือสอบสวนในเรื่องนี้ หากมีผู้ร้องขอที่มีตัวตนชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดร้องให้ดำเนินคดีการทุจริตจำนำข้าวเลย จึงขอทำความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะ กปปส. ไปประกาศบิดเบือนว่า ศรส. และกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่รับทำคดีการทุจริตจำนำข้าว
4.ผู้อำนวยการ ศรส. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ของ ศรส.เร่งรัดการเข้าจับกุมแกนนำผู้กระทำผิดของ กปปส. ทั้งที่ศาลได้อนุมัติออกหมายจับไว้และผู้กระทำผิดซึ่งหน้าโดยเฉพาะการ์ดที่ให้การคุ้มกันผู้ถูกออกหมายจับ โดยให้พิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสม
5.ศรส.ขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส.โดยเฉพาะพระพุทธอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ที่สั่งการให้การ์ดของ กปปส. เข้าควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของชาวนาที่เข้าไปบริเวณชุมนุมถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละตามหน้าที่ แต่กลับถูกควบคุมตัวโดยแกนนำที่ศาลออกหมายจับแล้วเข้ารุมทำร้ายตำรวจทั้ง 2 นาย ใช้ผ้าผูกตาแล้วข่มขู่ทำร้ายตามภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนทั่วไป ขณะนี้ตำรวจทั้ง 2 นายต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าต้องใช้เวลา รักษาตัวนานถึง 2 สัปดาห์ อนึ่ง ตำรวจทั้ง 2 นาย คือ ร.ต.ต.สมคิด เชยกมล และ ด.ต.วชิรพงษ์ อุ่นนวลบุรพงศ์ ซึ่งอายุมากแล้วถึง 59 ปี และ 43 ปี ตามลำดับ ศรส.ขอยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นความผิดต่อกฎหมายที่ร้ายแรงและไม่สมควรกระทำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปชอย่างยิ่ง ศรส.จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับกรณีดังกล่าวต่อไป
6.ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส. โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ดังนั้นเพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริกาประชาชนได้ตามเดิม ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ทำพิธีเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดบริการได้ ขณะนี้สามารถเปิดได้ถึง 44 แห่งแล้ว จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน