สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557

เผยแพร่: 17 ก.พ. 2557 14:28 น. ปรับรุง: 17 ก.พ. 2557 14:28 น. เปิดอ่าน 1650 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์  2557  

 

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

 

1.ศรส.ได้ตรวจพบว่า เมื่อครั้งประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ในเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี พ.ศ. 2553 นั้น  ได้เคยมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งขอให้สั่งว่าการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นไปโดยมิชอบ  ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอน  ซึ่งในที่สุดแล้ว ศาลแพ่งเห็นว่า พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มีเจตนารมณ์ที่จะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักรหรือในบางเขตท้องที่ได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์ การที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแก่นายกรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ย่อมเป็นการใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย อยู่ในอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของฝ่ายบริหารโดยเฉพาะศาลมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลยพินิจของฝ่ายบริหารเช่นว่านั้นได้พิพากษาให้ยกฟ้อง ซึ่ง ศรส.พิจาณา  เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีลักษณะเช่นเดียวกับเรื่องที่นายถาวร  เสนเนียม  ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งขอให้สั่งเพิกถอนการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อยู่ในขณะนี้  โดยมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน  ศรส.จึงได้มีมติยื่นคำร้องเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อศาลแพ่งโดยด่วนในวันนี้  โดยจะทำเป็นคำแถลงการณ์ปิดคดี  ก่อนที่ศาลแพ่งจะได้มีคำพิพากษาในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ นี้  

 

2.ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส.  โดยเฉพาะสถานที่ราชการ  ดังนั้น เพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเดิม  ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ทำพิธีเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้  ขณะนี้สามารถเปิดได้ถึง 48 แห่งแล้ว    

 

3.ศรส. ขอแจ้งพี่น้องประชาชนว่า ข้อมูลจากการตรวจสอบของหน่วยงานด้านการข่าวปรากฏมียอดผู้ชุมนุมของ กปปส. สูงสุดเมื่อคืนวานนี้ ช่วงเวลาประมาณ 20.00 นาฬิกา ทุกเวทีรวมประมาณ 7,500 คน  ซึ่งได้ลดน้อยลงเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง  ศรส. ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมืองดการเข้าร่วมชุมนุม การสนับสนุนด้านการเงิน และการช่วยเหลือต่าง ๆ  ซึ่งจะทำให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่ไม่สงบขณะนี้ยุติไปได้ในที่สุด  

 

4.ศรส.ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาคถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. และแนวร่วมกรณีร่วมกันกระทำผิดด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้  ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง  ขณะนี้  มีจำนวนคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 160 คดี  คดีประเภทเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน 169 คดี  รวมคดีทั้งสิ้น 329 คดี และศาลได้ออกหมายจับ  ให้แล้วจำนวน 67 คน

 

5.ศรส.ขอแจ้งความคืบหน้าของการเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมเพื่อติดตามจับกุมแกนนำ กปปส. ที่ศาลได้ออกหมายจับและการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า และการเปิดใช้พื้นที่ส่วนราชการและถนนสาธารณะว่า ศรส.ได้กำหนดพื้นที่ที่จะปฏิบัติการรวม 5 แห่ง ดังนี้ คือ

1) บริเวณทำเนียบรัฐบาล

2) บริเวณ  ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ

3) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

4) กระทรวงพลังงาน และ

5) กระทรวงมหาดไทย  

 

โดยได้กำหนดอัตรากำลังเข้าปฏิบัติ  หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และยุทธวิธีซึ่งจะเป็นไปตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไป  โดยขอเรียนย้ำว่า การปฏิบัติการในขณะนี้ไม่ใช่การสลายการชุมนุม ไม่ใช่การกระชับพื้นที่ และไม่ใช่การขอคืนพื้นที่  แต่เป็นการปฏิบัติการเพื่อคืนความสงบสุขให้สังคม  

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ