สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557
เผยแพร่: 26 ก.พ. 2557 13:21 น. ปรับรุง: 26 ก.พ. 2557 13:21 น. เปิดอ่าน 1387 ครั้งสรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
1. ที่ประชุม ศรส. กำหนดเชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงเพื่อหารือร่วมกันในเรื่องที่จะจัดให้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ศูนย์รักษาความสงบ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
2. ที่ประชุม ศรส. มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส. ว่า นับแต่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาห้าม ศรส. กระทำการรวม 9 ข้อ อันเป็นอำนาจหน้าที่หลักตามกฎหมายเป็นต้นมา สถานการณ์ความรุนแรงก็มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับและต่อเนื่องกันทุกวัน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่ง ศรส.มีข้อมูลว่า ได้มีกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในลักษณะกองกำลังปะปนอยู่กับกลุ่ม กปปส. และจะลงมือใช้อาวุธเป็นระยะ ๆ จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมการชุมนุมโดยเด็ดขาด สำหรับ ศรส.เองก็ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจตราความเรียบร้อยทั่วทั้งกรุงเทพมหานครแล้ว และก็มีข้อจำกัดที่กลุ่มการ์ด กปปส. ไม่ยอมให้ตำรวจเข้าในพื้นที่การชุมนุม รวมทั้งข้อจำกัดตามข้อห้ามของศาลแพ่งด้วย แต่ตำรวจก็จะพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
3. ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส. โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ดังนั้น เพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเดิม ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง 53 แห่งแล้ว แต่หลังจากที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ส่งผลให้ ศรส.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลักตามกฎหมายได้ และเป็นผลให้ กปปส. ไปบุกรุก ปิดล้อมสถานที่ราชการและขับไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงานอีก ข้อมูลจนถึงเช้าวันนี้ กปปส. ได้กลับไปบุกรุกปิดล้อมส่วนราชการและบริษัทเอกชน รวมจำนวน 11 แห่ง ได้แก่ กรมศุลกากร กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมสรรพสามิต สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี บริษัทเอ็มลิ้ง เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 อย่างไรก็ตาม ศรส.ก็ได้พยายามทุกวิถีทางให้มีการเปิดสถานที่ราชการเพิ่มเติม รวมทั้งที่ถูกปิดล้อมด้วย ในวันนี้มีส่วนราชการกลับมาเปิดให้บริการได้อีก 7 แห่ง ดังต่อไปนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ เนื่องจากการปิดล้อมยึดสถานที่ราชการของกลุ่ม กปปส. ส่งผลให้ส่วนราชการที่ถูกปิดล้อมไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ และมีทรัพย์สินของทางราชการ สูญหายหรือได้รับความความเสียหาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดอาญา ศรส.จึงได้ขอความร่วมมือให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ถูกปิดล้อมบุกรุกดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมายและเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดเช่นนั้นอีก
4. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 คือวันนี้ ได้รับคดีการขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศไว้แล้วรวมถึง 188 คดี แยกเป็นคดีที่ กปปส.ในกรุงเทพมหานครกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 50 คดี กปปส.ในต่างจังหวัดกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 138 คดี คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต.ที่เป็นพวก กปปส. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร จำนวน 62 คดี และในต่างจังหวัดจำนวน 110 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 135 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 33 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. ที่เป็นพวก กปปส. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 740 คน ศรส.จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีดังกล่าวโดยรวดเร็วและรัดกุม เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกระทำความผิดซ้ำอีก โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ววันนี้
5. ศรส.ได้รับรายงานว่า ในคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นคดีพิเศษที่ทำการสอบสวนจนเสร็จสิ้น และต่อมาอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งได้นำตัวนายอภิสิทธิ์ฯ ฟ้องคดีอาญาเป็นจำเลยต่อศาล ในฐานความผิดก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนานั้น เนื่องจากนายสุเทพฯ ได้ผัดผ่อนขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการหลายครั้งตลอดมา จนในที่สุดพนักงานอัยการสั่งไม่ให้เลื่อนคดีอีกต่อไป บัดนี้ พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษแล้ว ให้ดำเนินการให้ได้ตัวนายสุเทพฯ มาฟ้องโดยเร็ว ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ยื่นขอหมายจับจากศาลอาญา เพื่อนำตัวนายสุเทพฯ ส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีดังกล่าวต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน