สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗
เผยแพร่: 17 มี.ค. 2557 12:29 น. ปรับรุง: 17 มี.ค. 2557 12:29 น. เปิดอ่าน 1420 ครั้งสรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
๑. ที่ประชุม ศรส. เห็นชอบให้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แทนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ด้านการชุมนุมต่อต้านทั้งของกลุ่ม กปปส. และกลุ่มอื่น ๆ ตลอดจนเหตุร้ายแรงต่าง ๆ ได้ลดระดับลงมากแล้ว อีกทั้งจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศทั้งในเชิงการลงทุน ธุรกิจ และการท่องเที่ยว รวมถึงการดำรงชีพและการทำมาหากินของประชาชนโดยรวมด้วย ซึ่งการลดระดับมาใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ นั้น จะมีผลทันทีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ อนึ่ง สำหรับการจัดโครงสร้างเพื่อการบริหารจัดการและการสนธิกำลังของหน่วยงานต่าง ๆ อันได้แก่ ตำรวจ ทหาร และพลเรือนนั้น จะมีโครงสร้างทำนองเดียวกับ ศรส. และจะใช้สถานที่ตั้ง ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต เช่นเดิม
๒. ตามที่ ศรส.ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส. เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนั้น ศรส.ได้รับแจ้งว่า คณะทำงานฯ ที่มีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน ได้ประชุมหารือจนได้แนวทางในการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแล้ว และคาดว่าจะแจ้งผลเป็นทางการกลับมายัง ศรส. ภายในวันนี้ ซึ่ง ศรส.จะได้พิจารณาแนวทางดังกล่าว และดำเนินการเสนอให้คณะรัฐมนตรีแจ้งหรือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยเร่งด่วนต่อไป
๓. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ คือวันนี้ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้
๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๔ คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๓ คดี
๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๗ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๑ คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๑ คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๑๙๒ คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๑๓๔ คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๕๘๐ คน นอกจากนี้ ศรส.ได้รับรายงานว่า มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ทั้ง ๕ คน ในความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายอาญาจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยในต่างจังหวัดนั้น มี ๒ จังหวัด คือ จังหวัดสตูลและจังหวัดพัทลุง ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวม ๖ สถานี คือ สถานีตำรวจนครบาลสามเสน บางพลัด ทุ่งสองห้อง บางซื่อ ดอนเมือง และธรรมศาลา โดยเป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง และไม่ดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อนึ่ง ศรส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศรส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และ ป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
๔. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กลุ่ม กปปส. ได้มีการจัดฝึกอบรมการ์ด กปปส. เป็นจำนวนมากถึง ๒,๕๐๐ กว่าคน เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมบริเวณสวนลุมพินีนั้น ศรส. มีความห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการฝึกอบรมการ์ดเป็นจำนวนมากเช่นนี้ อาจเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ปรากฏให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงและอาวุธในหมู่การ์ดของ กปปส. อยู่เป็นระยะ นอกจากนี้ การจัดฝึกอบรมการ์ดดังกล่าวยังมีลักษณะเป็นการจัดตั้ง กองกำลังขึ้นอย่างชัดเจนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการดำเนินการเช่นนี้ไม่อาจได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานที่รักษากฎหมายได้ จึงเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. พูดอยู่เสมอว่า เป็นการชุมนุมที่สงบ ปราศจากความรุนแรง ซึ่ง ศรส.เกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็นอยู่ยิ่งบานปลายมากขึ้น ศรส.จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่น ๆ งดเว้นไม่กระทำการในลักษณะดังกล่าว เพราะจะทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น โดยขอให้คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ของสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________