สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๗
เผยแพร่: 6 มี.ค. 2557 13:44 น. ปรับรุง: 6 มี.ค. 2557 13:44 น. เปิดอ่าน 1480 ครั้ง
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๗
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
๑. ศรส.ขอเรียนชี้แจงกรณีนายสาธิต เซกัล หนึ่งในแกนนำ กปปส. ซึ่งมีพฤติการณ์รับฟังได้ว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เนื่องจากนายสาธิตฯ เป็นคนต่างด้าว สัญชาติอินเดีย ได้รับอนุญาตให้มี ถิ่นพำนักได้ในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมาย นายสาธิตฯ จะต้องงดเว้นไม่กระทำความผิดใด ๆ ที่กระทบต่อความมั่นคง แต่นายสาธิตฯ ได้เข้าร่วมเป็นแกนนำหลักของ กปปส. ขึ้นเวทีอภิปราย ปลุกระดม ยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายบ้านเมือง นำมวลชนไปปิดล้อมบุกรุกสถานที่ราชการหลายแห่ง แม้เมื่อประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แล้ว ก็ยังนำมวลชนไปปิดล้อมกรมการบินพลเรือน นายสาธิตฯ จึงเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชนหรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีมติเห็นควรเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของนายสาธิตฯ ตามมาตรา ๕๓ ประกอบกับมาตรา ๑๒(๗) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งบัดนี้ผู้อำนวยการ ศรส. ได้ลงนามเห็นชอบตามมติคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว โดยอาศัยอำนาจในการอนุญาต อนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ ที่โอนมาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีตามประกาศเรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๗ และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการ ศรส. ในฐานะผู้กำกับการปฏิบัติงานเป็นผู้ใช้อำนาจตามประกาศดังกล่าว สำหรับการดำเนินการให้นายสาธิตฯ ออกไปนอกราชอาณาจักรก็เป็นเรื่องที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
๒. จากกรณีนายยืม นิลหล้า ประชาชนที่ไปนั่งพักผ่อนบริเวณสวนลุมพินี ได้ถูกการ์ด กปปส. ควบคุมตัวและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการรุมซ้อมทำร้ายร่างกายแล้วจับมัดไว้ในเต็นท์การ์ดเป็นเวลาถึง ๖ วัน มีอาการปอดฉีกขาดและบาดแผลถูกรุมทำร้ายทั่วทั้งร่างกาย แล้วทำการมัดมือมัดเท้าและปิดตานำไปโยนในแม่น้ำบางปะกงเพื่อหวังฆ่าให้ตาย แต่นายยืมฯ สามารถเอาตัวรอดจนได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลบางปะกง ซึ่ง ศรส.รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และขอประณามการกระทำของกลุ่มการ์ด กปปส. ที่โหดร้ายทารุณและไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพียงเพราะเหตุพบว่านายยืมฯ มีบัตรสมาชิก นปช. ติดตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัย ความหวาดระแวงและเกลียดชังระหว่างคนในสังคม ในขณะที่แกนนำ กปปส. ยืนยันมาโดยตลอดว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งเหตุการณ์นี้มิใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มีการกระทำในลักษณะทำนองเดียวกันนี้กับบุคคลอื่นหลายครั้ง โดย ศรส.จะได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และขอให้แกนนำ กปปส. ยุติการสั่งให้การ์ดใช้ความรุนแรงต่าง ๆ นานา ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นรายวัน ดังเช่นเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมการ์ด กปปส. ได้ ๒ คน พร้อมอาวุธปืนพก ๒ กระบอก และบัตรแสดงตัวเป็นการ์ด กปปส. คือ นายบัณฑิต สกุลบงการ และนายเอกชัย พลภักดี
๓. ศรส.รู้สึกคลายความกังวลต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่เดิมเคยวินิจฉัยว่าการชุมนุมของแกนนำ กปปส. เป็นไปโดยชอบ แต่เมื่อวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชัดเจนขึ้นแล้วว่า เฉพาะประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมนั้น ยังคงเป็นไปโดยชอบ แต่สำหรับแกนนำ กปปส. นั้น หากมีการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่า แกนนำ กปปส. ที่กระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน จะอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังในอดีตอีกไม่ได้แล้ว
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
_________________