สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๗

เผยแพร่: 7 มี.ค. 2557 14:53 น. ปรับรุง: 7 มี.ค. 2557 14:53 น. เปิดอ่าน 1512 ครั้ง  
 
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม  ๒๕๕๗  
 
 
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  
 
๑. ศรส.ได้รับรายงานผลการดำเนินคดีกรณีกลุ่มแนวร่วม กปปส. ที่นำโดยนายระวี  มาศฉมาดล กับพวก  เข้าปิดล้อม บุกรุกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๕๕๗/๒๕๕๗  ซึ่งบัดนี้ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยวินิจฉัยว่า  การปิดล้อม บุกรุกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริเวณกระทรวงพลังงานนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิเกินสมควรของการชุมนุม จึงมีคำสั่งให้จำเลยซึ่งก็คือ แกนนำ กปปส. พร้อมกับผู้ร่วมชุมนุมเปิดทางเข้าออกอาคารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้งให้ออกไปจากพื้นที่โดยรอบอาคาร และขนย้ายทรัพย์สินและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการชุมนุมหรืออยู่ในที่ชุมนุมออกไปจากบริเวณที่ชุมนุมและพื้นที่โดยรอบอาคาร  จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น   ศรส.เห็นว่า  แนวทางการดำเนินคดีเช่นนี้ สมควรนำไปใช้กับสถานที่ราชการและภาคธุรกิจที่ถูกแกนนำ กปปส. นำมวลชนไปปิดล้อม บุกรุก ให้ได้รับความเสียหาย  โดยในส่วนของหน่วยงานราชการนั้น  ศรส.ได้แจ้งกำชับให้ดำเนินการเป็นการเร่งด่วนแล้ว  
 
๒. ศรส.ขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะนายอุทัย  ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ กับพวก ที่ได้นำเอามวลชนไปชุมนุมปิดล้อมด้านหน้าสถานทูตต่าง ๆ เช่น จีน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น  ออสเตรเลีย  ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้  โดยเฉพาะที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีการกล่าวปราศรัยโจมตีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ รวมถึงกระทำการฉีกแถลงการณ์และโปรยเศษกระดาษเข้าไปในแนวรั้วของสถานทูต  ซึ่งแกนนำ กปปส. ได้เคยกระทำการในลักษณะนี้ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกามาแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยปิดล้อมและปราศรัยโจมตีรัฐบาลสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าแทรกแซงการบริหารราชการของรัฐบาลไทย พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกลับไป และให้ส่งเอกอัครราชทูตคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งการกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาฐานกระทำการดูหมิ่นผู้แทนรัฐต่างประเทศ  ตามมาตรา ๑๓๔ แล้ว ยังเป็นการกระทำที่สมควรถูกประณามอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระทำโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานถึง ๑๗๗ ปี เป็นการไม่ให้เกียรติต่อสถานที่และผู้แทนทางการทูต ซึ่งไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง  
 
๓. ศรส.ได้รับรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณใกล้กับที่ชุมนุมของ กปปส. มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถูกประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ ๒ คน  โดยวิถีกระสุนปืนถูกยิงมาจากในบริเวณสวนลุมพินีที่มีการชุมนุม  ซึ่งศรส.ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนตลอดมาว่า บริเวณการชุมนุมและสถานที่ใกล้เคียง ได้มีเหตุร้ายต่อเนื่องตลอดมา โดยถือเป็นพื้นที่อันตรายอย่างยิ่ง ดังเช่นกรณี นายยืม นิลหล้า ที่ไปนั่งพักผ่อนในสวนลุมพินี ใกล้กับบริเวณเวทีชุมนุม แล้วถูกการ์ด กปปส.จับกุมตัวไปซ้อมทำร้าย แล้วมัดตัวไว้ในเต็นท์ของการ์ดนานถึง ๖ วัน ก่อนนำตัวไปโยนทิ้งแม่น้ำบางปะกงเพื่อให้ถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังมีศพชายไทยอีก ๒ ศพ ถูกทำร้ายแล้วอำพรางทิ้งไว้ในรัศมีใกล้กับบริเวณการชุมนุมอีกด้วย ซึ่ง ศรส.ได้พยายามขอร้องแกนนำ กปปส. ตลอดมาให้ยุติการใช้ความรุนแรง และอย่าเปิดโอกาสให้มีกลุ่มคนร้ายปะปนในการชุมนุม แต่ก็ไม่เป็นผล ในขณะที่ ศรส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่มีข้อห้ามถึง ๙ ข้อ ดังนั้น ในสภาวะเช่นนี้ ศรส.จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมชุมนุมและเข้าไปในพื้นที่ใกล้กับบริเวณที่ชุมนุม เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของท่าน  
 
 
 
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน 
 
______________________

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ