สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๗
เผยแพร่: 8 มี.ค. 2557 15:11 น. ปรับรุง: 8 มี.ค. 2557 15:11 น. เปิดอ่าน 1405 ครั้ง
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๗
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
๑. ศรส.ได้ร่วมกันพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยได้วินิจฉัยเพิ่มเติมว่า การชุมนุมของประชาชนกลุ่ม กปปส. เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพโดยมีเหตุผล แต่ในส่วนการกระทำของแกนนำ กปปส. จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยเพิ่มเติมดังกล่าว จึงมิได้คุ้มครองแกนนำ กปปส. อีกต่อไป แกนนำคนใดไปร่วมกันกระทำผิดอย่างไร ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นนั้น ดังเช่นขณะนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็ได้ถูกศาลอาญาออกหมายจับในข้อหากบฏ และแกนนำทั้ง ๕๘ คน ก็ถูกดำเนินคดีในคดีพิเศษ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏและข้อหาฉกรรจ์อื่น ๆ อีก ขณะนี้อยู่ระหว่างถูกออกหมายเรียกมารับทราบ ข้อกล่าวหานอกจากนั้น แกนนำ กปปส.อีกหลายคนก็ถูกศาลออกหมายจับในข้อหาขัดขวางการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และล่าสุดเมื่อวานนี้ นายอิสระ สมชัย แกนนำคนสำคัญ กับพวกรวม ๖ คน ก็ได้ถูกศาลออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าฯ นายยืม นิลหล้า ประชาชนที่ไปนั่งพักผ่อนบริเวณ สวนลุมพินี แล้วถูกการ์ด กปปส. จับตัวไปให้นายอิสระฯ สอบสวน มีการรุมทำร้ายถึงสาหัส ปอดฉีก มีบาดแผลทั้งตัว แล้วจับมัดไว้ในเต็นท์การ์ดนานถึง ๖ วัน แล้วนำตัวมัดมือปิดตาใส่รถยนต์นำไปทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง เพื่อเป็นการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งเป็นการกระทำที่มีความโหดเหี้ยมมาก แต่นายยืมได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดีรอดชีวิตมาได้ เหตุร้ายแรงเช่นนี้ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวันในบริเวณการชุมนุม และที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวไปปิดล้อม ไม่ว่าจะเป็นชาย ๓ คน ที่นั่งรถแท็กซี่ผ่านบริเวณสวนลุมพินี ก็ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ โดยวิถีกระสุนมาจากภายในสวนลุมพินี การยิงลูกระเบิดที่อาคารชินวัตร ๓ การยิงปืนเข้าใส่ห้องผ่าตัดโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ และเหตุร้ายอื่น ๆ เป็นต้น ศรส.มิได้นิ่งนอนใจต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นดังกล่าว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินคดีและติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษโดยเร็วที่สุด แต่ ศรส.และตำรวจก็มีข้อจำกัดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมากอันเป็นผลจากคำพิพากษาศาลแพ่งในข้อห้าม ๙ ข้อ ดังที่ทราบกันทั่วไป ฉะนั้นในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ศรส.จึงขอร้องและแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้งดเว้นอย่าเข้าร่วมการชุมนุม รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านเข้าใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมในยามค่ำคืนด้วย ทั้งนี้ เพื่อสวัสดิภาพในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
๒. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ว่า ได้รับคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังนี้
๑) คดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๐ คดี แยกเป็นคดีที่ กปปส.ในกรุงเทพมหานครกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ๕๑ คดี และคดีที่ กปปส.ในต่างจังหวัดกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ๑๓๙ คดี
๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๖ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๕ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๑ คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๖๖ คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๑๘๐ คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๘๓ คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๕๔๓ คน นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า พนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาล พนักงานสอบสวนของจังหวัดสตูลและจังหวัดพัทลุง ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีขัดขวางการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ ๒ จังหวัด ซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง และไม่ดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งในหลาย ๆ พื้นที่ดังกล่าว มีข้อน่าสังเกตว่า ในพื้นที่ที่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งนั้น ศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำผิดให้เกือบทุกพื้นที่ คงมีเพียงบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีการออกหมายจับให้แต่อย่างใด อนึ่ง ศรส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่ง ศรส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ และป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________