สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๗
เผยแพร่: 10 เม.ย. 2557 12:55 น. ปรับรุง: 10 เม.ย. 2557 12:55 น. เปิดอ่าน 1391 ครั้งสรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๗
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กรณีนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และมีการตรวจพบการเผยแพร่คลิปวิดีโอทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ ๘ เมษายนที่ผ่านมา โดยมีข้อความเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ อันเป็นการล่วงละเมิดต่อสถาบัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยเร็ว ในวันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบังคับการปราบปราม ได้รับคดีและเริ่มสอบสวนทันทีแล้ว คาดว่าจะขอศาลอนุมัติหมายจับได้ภายในวันพรุ่งนี้ ศอ.รส. จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีโดยเร็ว และให้ติดตามการกระทำผิดในลักษณะนี้ โดยจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกรายไม่มีละเว้น ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวีดิโอดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓-๑๕ ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วย
เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานว่า ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีจากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี และคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดในกรณีโครงการรับจำนำข้าว แกนนำทั้งสองฝ่าย คือ กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช. ได้มีการปลุกระดมให้มวลชนจำนวนมากเข้าร่วมชุมนุมกับฝ่ายตนในลักษณะท้าทายแข่งขันกัน ซึ่ง ศอ.รส. มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งว่า การระดมมวลชนในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุของการปะทะหรือเผชิญหน้า รวมถึงการก่อเหตุร้ายด้วย ดังนั้น ศอ.รส. จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการสนับสนุนในทุกรูปแบบ ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. และขอเรียกร้องไปยังแกนนำทั้งสองกลุ่มให้คำนึงถึงเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมใหญ่ และ ศอ.รส. จะได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเมื่อเกิดการกระทำผิดขึ้น แกนนำของผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องรับผิด ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เรื่องที่ ๓ ตามที่กลุ่ม กปปส. ได้ประกาศว่าจะคืนพื้นที่หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เคยถูกกลุ่ม กปปส. ปิด ให้กลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง โดยกำหนดเงื่อนไขว่าหน่วยราชการนั้นต้องติดป้ายสนับสนุนกลุ่ม กปปส. และไม่ให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเข้าปฏิบัติหน้าที่ ศอ.รส. เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่ม กปปส. เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากข้าราชการจะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และการที่กลุ่ม กปปส. กำหนดเงื่อนไขให้หน่วยราชการต้องแสดงตัวว่าสนับสนุนกลุ่ม กปปส. อาจทำให้ประชาชนที่รับบริการจากหน่วยราชการนั้นเกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ นอกจากนี้ การประกาศห้ามรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเข้าปฏิบัติหน้าที่ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่องานราชการเป็นอย่างมาก ซึ่งในที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวของกลุ่ม กปปส. ก็คือประชาชน
ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเรียนย้ำว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. อีก ๕๘ ราย เป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษ ซึ่งถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆ เช่น การขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการ ดังนั้น หากหน่วยราชการใดแสดงการสนับสนุน กปปส. ตามที่ กปปส. เรียกร้อง ศอ.รส. จะถือว่าหน่วยราชการดังกล่าวให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมาย และอาจต้องถูกดำเนินคดีในโอกาสต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________