สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

เผยแพร่: 2 พ.ค. 2557 13:38 น. ปรับรุง: 2 พ.ค. 2557 13:38 น. เปิดอ่าน 1137 ครั้ง  
 
สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ 
 
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
 
เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. มีความกังวลต่อการที่กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช. ได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ ๕ พฤษภาคมนี้ โดย ศอ.รส. ขอร้องให้แกนนำทั้งสองฝ่ายจัดการชุมนุมโดยสงบ และไม่ยั่วยุมวลชนให้เกิดการเผชิญหน้ากันซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าได้มีการชักชวนประชาชนจำนวนมากให้เข้าร่วมชุมนุมกับทั้งสองกลุ่ม และ ศอ.รส. ขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนให้ใช้วิจารณญาณหลีกเลี่ยงการร่วมชุมนุม ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง  และแม้ว่าการเข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใดในการเข้าร่วมชุมนุมแล้ว ท่านก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกคนไปโดยไม่มีการละเว้น ส่วนแกนนำทุกคนจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดย ศอ.รส. จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียมกันเพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
 
 
นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังได้รับทราบเกี่ยวกับการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ประกาศว่าในวันที่ ๑๔ พฤษภาคมนี้ จะเรียกคืนอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยอ้างว่าไม่มีรัฐบาลที่มีความชอบธรรม มีเพียงคณะบุคคลที่อ้างความเป็นรัฐมนตรีที่พ้นอำนาจไปแล้วตั้งแต่ประกาศยุบสภา และ กปปส. จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติขึ้นเอง โดย ศอ.รส. มีความกังวลอย่างยิ่งว่าการประกาศเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงเจตนากระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว ยังจะสร้างความขัดแย้งมากขึ้นในหมู่ประชาชน เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงและการเผชิญหน้ากันได้ ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเรียนว่า เมื่อมีการยุบสภา อำนาจอธิปไตยก็ได้กลับคืนสู่ประชาชนแล้ว และเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะใช้อำนาจอธิปไตยนั้นผ่านการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลและสภานิติบัญญัติที่ชอบธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้บิดเบือนประเด็นนี้อย่างชัดเจน เพราะในสมัยรัฐบาลที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อยุบสภาแล้ว นายสุเทพฯ กับคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ได้อยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อๆมา จนมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นายสุเทพฯ  จึงใช้วาทกรรมบิดเบือนประเด็นเพื่อให้พี่น้องประชาชนหลงเชื่อโดยปราศจากความเป็นจริงตามรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิง
 
 
เรื่องที่ ๒ ตามที่ ศอ.รส. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เนื่องจากการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งของมวลชนกลุ่มต่างๆ ยุติลง และนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศซึ่งเป็นภารกิจหลักของ ศอ.รส. รวมทั้งการเลือกตั้งก็เป็นหลักสากลอันเป็นที่ยอมทั่วโลกในวิถีทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ ผู้อำนวยการ ศอ.รส. ได้มีหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อเสนอให้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง กกต. กับ ศอ.รส. เพื่อเตรียมการต่างๆ ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม และป้องกันการขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้มีหนังสือถึงประธาน กกต. ขอเชิญ กกต. หรือผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับ ผอ.ศอ.รส. และคณะ ในวันที่     ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ นี้ เวลา ๑๔.๐๐ น.  ในการนี้ ศอ.รส. ขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อการชักจูงของแกนนำ กปปส. ให้กระทำการขัดขวางการเลือกตั้งซ้ำอีก เนื่องจาก ศอ.รส. มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้กระทำผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
 
 
เรื่องที่ ๓ ศอ.รส. ได้รับข้อมูลว่ากลุ่ม กปปส. จะใช้พนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งเข้าร่วมดำเนินการให้เกิดความเสียหายและเดือดร้อนแก่ระบบสาธารณูปโภค หรือกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อเป็นการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำผิดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ซึ่งจะสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่อันเป็นภารกิจและความรับผิดชอบของ ศอ.รส. ดังนั้นในวันนี้ ผู้อำนวยการ ศอ.รส. จึงได้มีหนังสือถึงผู้บริหารและประธานกรรมการบริหารของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เพื่อสั่งการให้ดำเนินการป้องกัน แก้ไข โดยให้จัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริงเมื่อเกิดเหตุขึ้น และให้ส่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวมายัง ศอ.รส. ภายในวันที่ ๑๒ พฤษภาคมนี้ และหากมีการปล่อยให้พนักงานและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดกับแกนนำกลุ่ม กปปส. ผู้บริหารอาจต้องรับผิดตามกฎหมายของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงาน ความผิดฐานสนับสนุนการเป็นกบฏของแกนนำ กปปส. และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง ศอ.รส. ทั้งนี้ ข้อสั่งการดังกล่าวของ ศอ.รส. ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
 
 
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ