สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๗
เผยแพร่: 2 เม.ย. 2557 12:48 น. ปรับรุง: 2 เม.ย. 2557 12:48 น. เปิดอ่าน 1393 ครั้งสรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๗
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. และในฐานะส่วนตัว ได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ วรรคสองไปเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน ให้ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องเสนอผ่านสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น เมื่อวานนี้ คือวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เป็นตัวแทนไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยในคำร้อง ผู้ร้องขอให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ และปราศจากอาวุธ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๓ และเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นการกระทำที่ขัดต่อ มาตรา ๖๘ วรรคแรกของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ได้มีการแสดงพยานหลักฐานที่แสดงถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับการชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยรับรองว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ อาทิเช่น การที่แกนนำ กปปส. ได้นำมวลชนไปขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ การนำมวลชนไปปิดล้อมบุกรุกสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐ กรณีการใช้อาวุธปืนของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม กปปส. หรือกรณีนายอิสระ สมชัยกับพวก ที่ได้ร่วมกันพยายามฆ่านายยืม นิลหล้า รปภ. ที่ไปนั่งพักผ่อนในบริเวณสวนลุมพินี เป็นต้น
เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการที่กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช. จะมีการชุมนุมใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในวันเสาร์ที่ ๕ เมษายนนี้ โดย ศอ.รส ขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายงดเว้นการนำมวลชนมาเผชิญหน้ากันซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งเลวร้ายลงไปอีก ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น ดังเช่นเหตุเมื่อวานนี้ที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม คปท. ถูกคนร้ายซุ่มยิง จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ ๔ รายและเสียชีวิต ๑ คน โดย ศอ.รส. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยเร็วและรอบคอบแล้ว ดังนั้น ศอ.รส. จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมชุมนุม ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าได้มีการชักชวนประชาชนจำนวนมากให้เข้าร่วมชุมนุมกับทั้งสองกลุ่ม และศอ.รส. ขอเรียกร้องไปยังแกนนำทั้งสองกลุ่มให้คำนึงถึงเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมใหญ่ในวันที่ ๕ เมษายนนี้ด้วย และเมื่อเกิดการกระทำผิดขึ้น แกนนำของผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องรับผิด ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอย่างแน่นอน ซึ่ง ศอ.รส. ได้มอบหมายให้พลตำรวจเอก วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศอ.รส. ไปจัดทำแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยร่วมกันสำหรับการชุมนุมในวันที่ ๕ เมษายนนี้ รวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติรายวันที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย เรื่องที่ ๓ ศอ.รส. ได้รับรายงานว่า เมื่อวานนี้ คือวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ได้มีกลุ่มประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจท้องที่ต่างๆ และที่กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ๖ คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรวม ๓ คน ว่ากระทำผิดตามมาตรา ๑๕๗ เช่นเดียวกันจากกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ศอ.รส. มีความเห็นว่า การเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเห็นต่างของกลุ่มประชาชนที่ต้องการรักษาสิทธิ์ของตนในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และ ศอ.รส. ขอขอบคุณกลุ่มประชาชนดังกล่าวที่ได้เลือกแสดงออกอย่างสันติตามกรอบของกฎหมาย โดยไม่กระทำการอื่นใดด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เรื่องที่ ๔ ศอ.รส. ได้รับทราบถึงกรณีที่สหภาพยุโรปได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย โดยแถลงการณ์ดังกล่าวได้เรียกร้องให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยของประเทศไทย อีกทั้งยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในการเจรจาเพื่อหาทางออกและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง โดยขอให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ศอ.รส. ขอเรียนว่า จุดมุ่งหมายหลักของ ศอ.รส. คือการรักษาความสงบและเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม และเสมอภาคต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ศอ.รส. เพียงหน่วยงานเดียวคงมิอาจแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ได้โดยลำพัง แต่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนทุกท่านในการที่จะไม่ทำให้ความขัดแย้งต่างๆ รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ศอ.รส. เชื่อมั่นว่า การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และหลักนิธิธรรมและนิติรัฐ จะสามารถทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายลงได้โดยเร็ว ดังนั้น ศอ.รส. จะให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป อนึ่ง ในวันนี้ผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. รวม ๕ คน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดี ได้แก่
๑) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
๒) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
๓) นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ
๔) นายทศพล เพ็งส้ม และ
๕) นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวน อันประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จาก ๓ หน่วยงาน ได้แก่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน