สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗

เผยแพร่: 26 มี.ค. 2557 14:13 น. ปรับรุง: 26 มี.ค. 2557 14:13 น. เปิดอ่าน 1373 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗

 

 

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

 

     เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ศอ.รส. มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในสถานการณ์ที่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมิใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นๆ และทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ศอ.รส. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบ สืบสวนสอบสวน และระงับยับยั้งเหตุร้ายต่างๆ ทันทีโดยไม่มีการเพิกเฉยหรือละเว้น ดังเช่นเหตุร้ายเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคมที่ผ่านมา ที่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่ม กปปส. และกลุ่ม กวป. ที่ด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงเหตุยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. และสถานที่ใกล้เคียงด้วย ศอ.รส. ได้กำชับและจะติดตามให้มีการสืบสวนสอบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ก็ได้จับกุมผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพระภิกษุสงฆ์ที่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กวป. บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ ๔ คน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว และจาการสอบสวนได้ความจากปากคำของพระภิกษุสงฆ์ คือ พระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ ได้ให้การรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มด่าว่าและลงมือทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนด้วยการขว้างปาขวดและใช้ไม้ตะพดไล่ตี ซึ่งเป็นการให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชน ส่วนกรณีมือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์นั้น ศอ.รส. ได้ตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันว่า เป็นผู้ต้องหาที่กระทำผิดจริง การจับกุม สอบสวนและนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจำนวนมากที่ ศอ.รส. เป็นไปโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามด้วย และไม่มีร่องรอยถูกซ้อมใดๆ แต่ครั้นผู้ต้องหาได้พบกับทนายความของ คปท. ผู้ต้องหาก็กลับคำให้การ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมจึงรับสารภาพ ศอ.รส. ขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทำร้ายผู้ต้องหา และไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ต้องหาพบทนายความแล้ว จะให้การอย่างใดๆ ก็ให้การได้โดยไม่มีความผิดแม้จะเป็นความเท็จ เพราะกฎหมายให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีได้เต็มที่ แม้ว่าจะกลับคำให้การใหม่และเป็นความเท็จก็ตาม  อนึ่ง ขณะนี้มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. กลับกลุ่ม นปช. ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนด้วยกันจำนวนมาก และอาจเกิดความรุนแรงจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ ศอ.รส.จึงขอร้องแกนนำทั้งสองกลุ่มให้หลีกเลี่ยงการยั่วยุ การเผชิญหน้าในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการนำพามวลชนของแต่ละกลุ่มเข้ามาใกล้กัน ขอให้แกนนำทุกกลุ่มจงตระหนักว่าการะกระทำของท่านจะมีผลเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก และหากเกิดการกระทำผิดกฎหมาย ท่านจะต้องรับผิดต่อกฎหมายอย่างแน่นอน และจะต้องถูกสังคมประนามอย่างรุนแรงด้วย

 

     เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวกับการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการขัดขวางการเลือกตั้งว่า ได้ครบกำหนดให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีตามหมายเรียกในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ต้องหาคนใดมาตามหมายเรียก  อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการให้โอกาสผู้ต้องหาในอันที่จะแก้ข้อหา และที่จะแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้  ศอ.รส.จึงได้แนะนำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้โอกาสผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสัปดาห์หน้า โดยการนัดหมายเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาให้ติดต่อ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๓-๘๔๑๐ เพราะมิฉะนั้นแล้วหากเลยกำหนดระยะเวลาดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป ซึ่งในวันนี้ เวลา ๑๑.๐๐ น. นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. คนหนึ่ง ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีแล้ว

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

______________________

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ