อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งเดินหน้าตรวจสอบทุจริตในองค์กร กรณีการตรวจสอบข้อร้องเรียนในกรณีปฏิบัติงานล่าช้า และการเรียกรับผลประโยชน์ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
เผยแพร่: 13 พ.ย. 2558 16:37 น. ปรับรุง: 13 พ.ย. 2558 16:37 น. เปิดอ่าน 1233 ครั้ง
ดีเอสไอเดินหน้าตรวจสอบทุจริตในองค์กร พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมลผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ และ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษและรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเรื่องการตรวจสอบข้อร้องเรียนในกรณีปฏิบัติงานล่าช้า และการเรียกรับผลประโยชน์ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ณ ห้องแถลงข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการร้องเรียนในกรณีปฏิบัติงานล่าช้า และการเรียกรับผลประโยชน์ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีพิเศษที่ ๑๑๔/๒๕๕๕ กรณีบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด มีพฤติการณ์กระทำความผิดฝ่าฝืนพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวน ๙๔ คน ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล ต่อมาในคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายมาแสดงตัวเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการแยก ออกมาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาอีกเป็นคดีพิเศษที่ ๑/๒๕๕๖ แต่คดีพิเศษดังกล่าวนี้ไม่คืบหน้าและล่าช้าจนได้รับการร้องเรียน
ภายหลังจากที่ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ ได้เข้ามารับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงได้เร่งรัดติดตามและปรับแนวทางการทำงานใหม่ทั้งหมด จนนำไปสู่การได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมและยึดอายัดทรัพย์สินได้อีกกว่า ๖๐๐ ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้มีสนธิกำลังเข้าตรวจค้นโดยอนุมัติหมายศาลอาญา ให้ทำการตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน ๓ แห่ง ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายในการตรวจค้น คือ บริษัท ดิจิตอล คราวน์โฮลดิ้ง จำกัด (DCHL) ตั้งอยู่ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ ในการตรวจค้นประกอบไปด้วยทนายความผู้รับมอบอำนาจของบริษัทกับพนักงานบริษัท รวมทั้งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าเป็นพยานในการตรวจค้น ผลการตรวจค้นส่วนหนึ่งปรากฏสลิปฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขบัญชี ๐๘๖-๐-XXXX จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ ๑๑๔/๒๕๕๕
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ จึงตั้งคณะทำงานหาข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่มีชื่อปรากฏในเอกสาร แต่ผลการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงพบว่ามีเงินเข้าบัญชีตามรายการที่ตรวจพบจริง และไม่ปรากฏว่ามีเหตุผลอันควรที่ทางฝ่ายผู้ต้องหาจะมีการโอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรายดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ตามรายละเอียดการตรวจสอบปรากฏหลักฐานเบื้องต้น ดังนี้ ๑. สลิปฝากเงินเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษผู้ถูกกล่าวหา จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตรงกับรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษผู้ถูกกล่าวหา ที่เปิดไว้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาแจ้งวัฒนะ ๒. เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ มีเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขาแจ้งวัฒนะ ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษผู้ถูกกล่าวหา จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ตรงกับหมายเลขเช็คคืนเงินประกันตัวผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ ๑๑๔/๒๕๕๕ ดังกล่าว และปรากฏลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ถูกกล่าวหา อยู่ในเช็คสั่งจ่ายผู้ต้องหาด้วย
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว และเพื่อความโปร่งใสในการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และเพื่อมิให้เกิดการเสียหายแก่ทางราชการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว พักราชการเพื่อรอผลการสอบสวน และจะได้เร่งรัดดำเนินการให้ทราบผลโดยเร็วต่อไป