อธิบดี DSI มีความเห็นสั่งฟ้องอดีตผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้าน สนับสนุนเจ้าหน้าที่ ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-ป่าหางนาค ท้องที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
published: 11/11/2566 13:00:26 updated: 11/11/2566 13:00:26 1163 views THอธิบดี DSI มีความเห็นสั่งฟ้องอดีตผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้าน สนับสนุนเจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-ป่าหางนาคท้องที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่
จังหวัดกระบี่
อธิบดี DSI มีความเห็นสั่งฟ้องอดีตผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้าน สนับสนุนเจ้าหน้าที่
ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-ป่าหางนาค
ท้องที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่
จังหวัดกระบี่
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน
กรณีมีกลุ่มบุคคลบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนางป่าหางนาค โดยมีการออกหนังสือแสดงสิทธิ์โฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำนวน 51 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ในเขตพื้นที่ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เป็นคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ได้ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว
เห็นว่าโฉนดที่ดิน จำนวน 33 แปลง เนื้อที่ประมาณ 97-3-10 ไร่ ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากที่ดินเป็นที่เขาหรือภูเขาและไม่มีลักษณะการทำประโยชน์มาก่อนอีกทั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
การกระทำของนายสถาพร (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช ผู้ดำเนินการขีดเขตและรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ
และเจ้าหน้าที่ที่ดิน ผู้เกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดิน
เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และยังมีบุคคลซึ่งเป็นผู้ยื่นคำขอและนำเจ้าพนักงานที่ดินเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดินได้ร่วมกระทำการกับเจ้าหน้าที่ด้วย
ซึ่งคดีอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. จึงได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไต่สวน เมื่อวันที่
20 มีนาคม 2552
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 สำนักงาน ป.ป.ช.
ได้มีหนังสือส่งเรื่องกรณีการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 33 แปลง
ให้พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากับนายกาหรีม
(ขอสงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรที่ยื่นคำขอและนำเจ้าพนักงานที่ดินเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน รวม 23 ราย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จากการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบข้อเท็จจริงว่าการกระทำของนายกาหรีมฯ
และราษฎรที่ยื่นคำขอและนำเจ้าพนักงานที่ดินเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน 33 แปลง แต่ละรายไม่ได้กระทำความผิดร่วมกันไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
จึงได้แยกสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษเป็น 23 คดี
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าคดีมีพยานหลักฐาน เพียงพอรับฟังได้ว่าการกระทำของนายกาหรีมฯ
และราษฎรที่ยื่นคำขอและนำเจ้าพนักงานที่ดิน เดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน 33
แปลงดังกล่าว เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ
ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ
ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และบางรายในความผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐตามพระราชบัญญัติป่าไม้
พุทธศักราช 2484 และประมวลกฎหมายที่ดินอีกด้วย
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายกาหรีมฯ
และราษฎร์ที่ยื่นคำขอและนำเจ้าพนักงานที่ดินเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินฯ ในฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น
คดีพิเศษที่ 87, 91, และ 104/2563 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566
และวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว
จำนวน 20 คดี
-----------------------------------
ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566