ศาลพิพากษาจำคุกกรณีหลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณีที่สาธารณรัฐเกาหลี

published: 2/12/2019 4:17:18 PM updated: 2/12/2019 4:17:18 PM 1910 views   TH
 

ศาลพิพากษาจำคุกกรณีหลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณีที่สาธารณรัฐเกาหลี

 
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2562 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายคิม ฮยองจุน จำเลยที่ 1 สัญชาติสาธารณรัฐเกาหลี เป็นระยะเวลา 30 ปี 4 เดือน และพิพากษาลงโทษจำคุก นางสาวจุฬารัตน์ หรือชัชฎาพร เจริญเนตร จำเลยที่ 2 และนายชัยชาญ ราชโพธิ์ทอง จำเลยที่ 3 สัญชาติไทย เป็นระยะเวลา 30 ปี พร้อมให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายสองรายเป็นเงินคนละ 500,000 บาท
 
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนดำเนินคดีอาญาเป็นคดีพิเศษที่ 41/2560 กรณีกลุ่มขบวนการที่ประกอบด้วยบุคคลจากสาธารณรัฐเกาหลีและคนไทยได้หลอกลวงหญิงไทยจำนวนสองคนให้ไปทำงานนวดแผนไทยที่สาธารณรัฐเกาหลี แต่กลับนำไปบังคับค้าประเวณี และยังได้ขายหญิงไทยกลุ่มดังกล่าว ไปยังนายหน้ารายอื่นอีก อันเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งในการสืบสวนสอบสวนพบมีบุคคลร่วมกระทำความผิดจำนวน 10 คน เป็นคนไทย 3 คน และคนสัญชาติสาธารณรัฐเกาหลี 7 คน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถติดตามจับกุมดำเนินคดีได้จำนวน 4 คน ประกอบด้วยจำเลยที่ 1 - 3 และนายโอ จังฮยอน สัญชาติสาธารณรัฐเกาหลี ที่จับกุมตัวได้แต่ได้หลบหนีในระหว่างได้รับการประกันตัว สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือศาลได้ออกหมายจับแล้วและยังหลบหนีการจับกุมอยู่ ประกอบด้วยบุคคลสัญชาติไทย 1 คน คือนางสาวพัฒนาภรณ์ พุ่มพิพัฒน์ และบุคคลสัญชาติสาธารณรัฐเกาหลี อีก 6 คน คือ นายโอ จังฮยอน, นายซอง โมคยอง, นายคิม ทุลอี, นายคิม กีฮวัน, นายยุน ชิโฮ และนายคิม ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยอยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี และสำหรับคนต่างชาตินั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 แล้ว
 
กรณีดังกล่าว เป็นความมุ่งมั่นและทุ่มเทของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ทุกคนเพื่อป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้สังคมไทยมีความสงบสุข โดยเฉพาะภัยของการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมกรมสอบสวนคดีพิเศษขอประชาสัมพันธ์เพื่อทราบผลการปฏิบัติงานและแจ้งเตือนมายังสาธารณชนว่าในการจะตัดสินใจไปประกอบอาชีพที่ต่างประเทศ ท่านควรตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการจัดหางาน เพื่อทราบข้อมูลของการไปประกอบอาชีพ และขั้นตอนที่ถูกต้อง รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ทั้งนี้ หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หรือทางสายด่วน “1202” โทรฟรีทั่วประเทศ ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ
จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
 
คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ

12 กุมภาพันธ์ 2562

Documents related