กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จับมือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงนามความร่วมมือคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (อุ้มบุญผิดกฎหมาย)

เผยแพร่: 31 พ.ค. 2565 14:45 น. ปรับรุง: 1 ส.ค. 2565 10:26 น. เปิดอ่าน 1329 ครั้ง   EN
 

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จับมือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงนามความร่วมมือคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (อุ้มบุญผิดกฎหมาย)

           วันนี้ (วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม 2565) เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 9 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมส่งเสริมบริการสุขภาพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ การสนับสนุน แลกเปลี่ยนข้อมูล อันทำให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์อย่างไม่ถูกต้อง โดยมี พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และนายอาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นสักขีพยาน
           บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ได้กำหนดกรอบความร่วมมือ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
               1) การประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานให้เป็นไปตามกฎหมายทั้งสองหน่วยงาน
               2) กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษพบคดีเกี่ยวกับความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และให้มอบหมายผู้แทนร้องทุกข์หรือกล่าวโทษมาให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ/หรือส่งพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการดำเนินการ 
               3) การเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสาร สามารถเชื่อมโยงความร่วมมือในการสืบสวน สอบสวน หรือร่วมกันดำเนินการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาญาที่เป็นคดีพิเศษ เว้นแต่การให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540
               4) การสนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน ร่วมเป็นที่ปรึกษาคดีหรือปฏิบัติหน้าที่อื่นแล้วแต่กรณี 
               5) การพัฒนาบุคลากรระหว่างหน่วยงานร่วมกัน หากแต่ละหน่วยงานมีการฝึกอบรม ดูงาน หรือกิจกรรมอื่นใด สามารถจัดส่งบุคลากรเข้าร่วมได้
               6) การสนับสนุนงบประมาณให้พิจารณาร่วมกันทั้งสองฝ่าย ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม

 

************************************************

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ