DSI เรียกคืนพื้นป่าต้นน้ำน่าน ใช้ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ส่งผลให้ชาวบ้านสละคืนป่าต้นน้ำด้านบนเขา และลงมาทำกินยังพื้นที่ด้านล่างที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันตามกฎหมายป่าไม้และอุทยาน

       วันนี้ (วันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566)  เวลา 09.30 น. พันตำรวจตรี สุริยา  สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยร้อยตำรวจเอก วิษณุ  ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์  วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์  ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบและอำนวยความเป็นธรรม (ศนอ.) นายธีรภัทร แก้วจุนันท์ รองผู้อำนวยการกองนโยบายและยุทธศาสตร์ และพันตำรวจโท พงศ์อินทร์ อินทรขาว  ที่ปรึกษาโครงการอำนวยความเป็นธรรมด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความเป็นธรรมด้านสิทธิชุมชน โดยรับคืนผืนป่าและส่งมอบพื้นที่ทำกินที่ได้ปรับเป็นแปลงนาขั้นบันไดแล้ว ให้กับชาวบ้านบ้านขุนกูน ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน และได้มอบพื้นที่ทำกินส่วนต่อขยายให้กับชาวบ้านบ้านปางยาง ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน

       พันตำรวจตรี สุริยา  สิงหกมล กล่าวว่า วันนี้ (วันที่ 28 มีนาคม 2566) กรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่รับคืนผืนป่าซึ่งเป็นป่าต้นน้ำน่าน จำนวน 300 ไร่ จากเกษตรกรบ้าน   ปางยาง ที่เสียสละคืนพื้นที่ทำกินด้านบนเขา โดยให้ภาครัฐจัดสรรพื้นที่ทำกินด้านล่างและทำการปรับปรุงที่ดินทำกินเป็นแปลงนาขั้นบันได  โดยได้รับการส่งเสริมการปลูกไม้ผลและปศุสัตว์ เพื่อลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ต้องใช้สารอันตรายมาเป็นอาชีพการปลูกไม้ผลและปศุสัตว์จนประสบความสำเร็จ และจากโครงการดังกล่าวเป็นผลให้ชาวบ้านบ้านขุนกูน ที่มีปัญหาทำกินลักษณะแบบเดียวกัน ที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ยื่นความประสงค์ขอสละพื้นที่ทำกินในพื้นที่ป่า จำนวน 150 ไร่ โดยกลุ่มชาวบ้านขอให้ขยายผลการพัฒนาในลักษณะเดียวกันกับบ้านปางยางด้วย  ซึ่งในการลงพื้นที่วันนี้ทีมงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ นายกองค์การส่วนบริหารตำบลภูคา ผู้จัดการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงลุ่มน้ำน่าน  พนักงานพิทักษ์ป่าลำน้ำยาง ป่าไม้อุทยานแห่งชาติภูคา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน (ศศช.บ้าน    ขุนกูน)  หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ปัว และผู้อำนวยการสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จ.น่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) เพื่อสานต่อความประสงค์ของเกษตรกรชาวบ้านแบบยั่งยืนต่อไป

        กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยโครงการอำนวยความเป็นธรรมด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม  ดังนั้น นอกจากภารกิจหลักในการบังคับใช้กฎหมายแล้วยังมีการดำเนินการในด้านการอำนวยความยุติธรรมทางเลือกโดยใช้ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ทั้งนี้ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม