Page 74 - วารสาร DSI ฉบับ EBook เล่ม1
P. 74

องค์ความรู้ เรื่อง “การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว


                                           และผลประโยชน์ส่วนรวม”

                                                                                             กลุ่มบริหำรทรัพยำกรบุคคล 1
                      เป็นการด�าเนินการภายใต้โครงการการจัดการความรู้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
               ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2563 - 2565 ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 เรื่อง การบริหาร
               จัดการองค์การเพื่อความยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดท�าองค์ความรู้นี้เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิด
                                                                                      ื
                                          ื
               ของบุคลากรกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพ่อให้สามารถแยกแยะได้ว่า “เร่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตัว และเร่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม”
                                                               ื
               ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด (Paradigm Shift) ถือว่าเป็นเรื่องส�าคัญอย่างมากต่อการด�าเนินงานด้านการต่อต้านการทุจริต
                                                                                                       �
                                                                                                 ื
                                                                            �
               หากไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวออกจากผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ก็จะนาไปสู่การละเมิดสิทธิของผู้อ่น การทาผิด
                                     �
                             ี
               จริยธรรม ความเส่ยงต่อการทาผิดกฎหมายและการทุจริตต่อหน้าท่ ดังน้น การปลูกฝังวิธีการคิดท่สามารถแยกแยะผลประโยชน์
                                                                                    ี
                                                                  ั
                                                               ี
                ่
                                            ้
                                               ่
                                    ์
                                     ่
               สวนตัวออกจากผลประโยชนสวนรวมไดอยางชัดเจน ท�าให้ทุกคนมีความตระหนักว่าการกระท�าใดเป็นการกระท�าที่อาจเกิด
               การทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม
                                          ี
                      คณะรัฐมนตรีมีมติ เม่อวันท่ 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education)
                                      ื
               ซึ่งหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาดังกล่าวสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3
                                                   ั
                                                ้
                                          ี
                                                                                     ื
               (พ.ศ. 2560 - 2564) ในยุทธศาสตร์ท่ 1 “สรางสงคมไมทนตอการทจรต” อันมีกลยุทธ์ว่าด้วยเร่องของการปรับฐานความคิด
                                                           ่
                                                                 ุ
                                                                   ิ
                                                        ่
               ทุกช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบ
               และกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริต
                                                                          ื
                                                                                               ้
                                                                                            ู
                                                                                                    ิ
                                                                                                   ุ
                                                                                                       ึ
               เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่อต่อต้านการทุจริต หลกสตรตานทจรตศกษา
                                                                                          ั
               (Anti - Corruption Education) ประกอบด้วย 5 หลักสูตร ดังนี้
                              1. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
                              2. หลักสูตรอุดมศึกษา
                              3. หลักสูตรกลุ่มทหารและต�ารวจ
                              4. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรตัวคูณ)
                              5. หลักสูตรโค้ช (สร้างโค้ชส�าหรับโครงการต้านทุจริต)
                                        ั
                                                     ่
                      ดังนั้น แนวทางการแกปญหาการทุจริตอยางยั่งยืน ต้องเริ่มต้นแก้ไขที่ตัวบุคคล โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนระบบ
                                       ้
               การคิดของคนในสังคมแยกแยะให้ได้ว่า…

                                     “เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตน...เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม”
                      ต้องแยกออกจากกันให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่นามาปะปนกัน ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตน
                                                         �
               ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาทดแทนบุญคุณส่วนตน ไมเหนแกประโยชนส่วนตนและพวกพ้องเหนือกว่าประโยชน์ส่วนรวม
                                                         ่
                                                           ็
                                                                      ์
                                                              ่
               กรณีเกิดผลประโยชน์ขัดกันต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
               1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ
                                                 วารสาร 72       DSI
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79